สิทธิประโยชน์ทางภาษี
กองทุนรวมเพื่อการออม
(Super Savings Fund : SSF)
กองทุนรวมเพื่อการออม หรือ SSF คือกองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว เป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อมาทดแทน กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (Long Term Equity Fund : LTF) ที่สิ้นสุดลงในปี 2562 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางถึงน้อย และผู้ที่เริ่มเข้าสู่วัยทำงานมีการออมระยะยาวมากขึ้น และได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างเต็มที่

กองทุนสามารถลงทุนในหลักทรัพย์ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ กองทุนรวมผสม และมีนโยบายที่จ่ายปันผลและไม่จ่ายปันผล ดังนั้นผู้ลงทุนจะต้องเข้าใจลักษณะกองทุน นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง สิทธิประโยชน์ทางภาษี SSF ก่อนตัดสินใจลงทุน
สรุปเกณฑ์เงื่อนไขการลงทุน กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF)

นโยบายการลงทุน :
ลงทุนในหลักทรัพย์ได้ทุกประเภท
สิทธิประโยชน์ทางภาษี :
ลดหย่อนภาษีสูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมินที่ ต้องเสียภาษีแต่ไม่เกิน 200,000 บาทและเมื่อ รวมกับการออมเพื่อเกษียณอื่นๆ ต้องไม่เกิน 500,000บาท
จำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำ
และความต่อเนื่องในการลงทุน :
ไม่กำหนดขั้นต่ำในการซื้อ และไม่ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี
ระยะเวลาถือครอง :
ถือครองไม่น้อยกว่า 10 ปี นับจากวันที่ซื้อ
ปีที่ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี :
ใช้สิทธิได้ในปีที่ลงทุน เริ่มปี 2563 - 2567
สิทธิประโยชน์ทางภาษีของ SSF
ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้และไม่เกิน 200,000 บาท โดยเมื่อรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆ (เช่น กองทุน RMF กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน กองทุนการออมแห่งชาติ หรือเบี้ยประกันภัยสำหรับการประกันชีวิตแบบบำนาญ) ต้องไม่เกิน 500,000 บาท ไม่กำหนดจำนวนขั้นตํ่าในการซื้อต่อปี และไม่บังคับซื้อต่อเนื่อง โดยจะใช้สิทธิลดหย่อนแบบปีต่อปี ซื้อปีไหน ลดหย่อนในปีนั้น รวมถึงเมื่อลงทุนแล้วต้องถือหน่วยลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 10 ปีนับจากวันที่ซื้อกองทุน เริ่มตั้งแต่ปี 2563-2567

สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
แหล่งที่มา : www.set.or.th
กองทุน SSF RMF และ LTF แตกต่างกันอย่างไร
เงื่อนไข ประเภทกองทุน
LTF SSF ใหม่ RMF เกณฑ์ใหม่
% ลดหย่อน 15%
ของเงินได้พึงประเมิน
30%
ของเงินได้พึงประเมิน
30%
ของเงินได้พึงประเมิน
วงเงินลดหย่อน
สูงสุด
500,000
บาท
200,000
บาท*
500,000
บาท*
ระยะเวลาถือครอง 7 ปี
(นับตามปีปฏิทิน)
10 ปี
(นับจากวันที่ซื้อ)
5 ปี
(ซื้อต่อเนื่องถึงอายุ 55 ปี)
นโยบายลงทุน หุ้นไทย
ไม่ตํ่ากว่า 65%
ลงทุนได้
ทุกสินทรัพย์
ลงทุนได้
ทุกสินทรัพย์
ปีที่ใช้สิทธิ
ลดหย่อนได้
ปี 2562
(ปีสุดท้าย)
ปี 2563-2567 เริ่มใช้ ปี 2563
เป็นต้นไป
เงินลงทุนขั้นต่ำ ไม่กําหนด ไม่กําหนด ไม่กําหนด
*เป็นไปตามประกาศของกรมสรรพากร
คำถามที่พบบ่อย
ลงทุนกองทุน SSF มากกว่า 200,000 บาท ได้หรือไม่
หากลงทุนในส่วนที่เกิน 200,000 บาท ส่วนที่เกินนั้นจะไม่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ และกำไรที่ได้รับจากการขายคืน (เฉพาะส่วนที่เกินสิทธิ) จะถือเป็นรายได้ในปีที่ขายคืน ซึ่งต้องนำไปรวมเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษีด้วยแม้จะถือหน่วยลงทุนเกินกว่า 10 ปีก็ตาม
ถ้าต้องการขายคืนก่อนครบ 10 ปี ตามเงื่อนไขการลงทุนกองทุน SSF (นับตั้งแต่วันซื้อหน่วยลงทุน)
ต้องคืนเงินภาษีที่เคยได้รับลดหย่อนไป ทั้งหมดทันที พร้อมจ่ายเงินเพิ่ม 1.50% ต่อเดือนของจำนวนเงินภาษีที่ได้รับลดหย่อน นับตั้งแต่ เดือน เม.ย.ของปีที่เคยยื่นขอลดหย่อนภาษีไว้ จนถึงเดือนที่ยื่นคืนภาษีให้แก่กรมสรรพากร และหากมีกำไรจากการขายคืนที่ผิดเงื่อนไข ไปรวมเป็นเงินได้ของปีที่ขายคืน เพื่อเสียภาษีด้วย
การนับวันลงทุน SSF 10 ปีเต็มอย่างไร
เงินลงทุนแต่ละครั้ง จะนับจากวันที่ซื้อ 10 ปีเต็ม เช่น
  • ลงทุนวันที่ 1 พ.ย. 2563
  • เงินลงทุนจะครบ 10 ปีเต็ม วันที่ 30 ต.ค. 2573
  • ขายคืนได้วันที่ 1 พ.ย. 2573
กองทุน SSF สามารถสับเปล่ียนหน่วยลงทุนได้หรือไม่
  • สับเปลี่ยนภายใน บลจ.ยูโอบี = ยกเว้นค่าธรรมเนียม
  • สับเปลี่ยนระหว่าง บลจ. = มีค่าธรรมเนียม กรุณาศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากหนังสือชี้ชวนของกองทุน
ข้อมูลควรรู้ก่อนลงทุนกับกองทุน SSF